6
น้องชาย
“คนนั้นใช่เด็กใหม่รึเปล่า
หน้าหวานเหมือนผู้หญิงจริงๆซะด้วย
แล้วไหนนายบอกว่ายังไงๆก็ไม่มีทางลงเอยกับผู้ชายด้วยกันไง แล้วเมื่อกี้มันอะไรล่ะ?”
คำถามที่ใส่มาเป็นชุดของเพื่อนสนิท
ทำให้ฮยอกแจแทบอยากเข้าไปอัดซักเปรี้ยงใหญ่โทษฐานที่พูดจาไม่เข้าหู
แต่แทนที่จะตอบคำถามที่จุดประกายโมโหพวกนั้น สู้เปลี่ยนไปคุยเรื่องน้องชายของเขา
ยังจะดีซะกว่า
“พูดเรื่องคยูฮยอนมาดีกว่า
นี่ฉันจ้างนายให้คอยดูแลน้องฉันนะ ไม่ได้จ้างให้มาถามคำถามไร้สาระ บอกมา
น้องฉันเป็นอะไร”
การดูแลน้องชายของฮยอกแจเรียกได้ว่าเป็นงานพาร์ททามอีกอย่างของซีวอน
ซึ่งตรงนี้ฮยอกแจเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพื่อนคนนี้จะทำงานหลายอย่างไปทำไมทั้งๆที่ก็มีงานประจำอยู่แล้ว
แต่ยังไงซะก็ยังดีกว่าไปไหว้วานคนที่ไม่รู้จักล่ะนะ
“อย่าเพิ่งโมโหสิ
เรื่องของน้องนายเป็นเรื่องน่ายินดีนะ ฉันพาคยูฮยอนมาด้วย พวกนายเป็นพี่น้องกัน
ให้คุยกันเองน่าจะดีกว่า” ซีวอนว่าอย่างใจเย็น
ชี้มือไปที่โต๊ะตัวหนึ่งภายในร้าน ที่มีผู้ชายตัวสูงนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว
ฮยอกแจมีสีหน้าลำบากใจ
ถ้าเป็นพี่น้องคู่อื่นคงจะเดินเข้าไปทักทายกันได้อย่างสนิทสนม
แต่ว่าเขากับน้องนั้นไม่ใช่ เขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง
ในเมื่อน้องชายคนนี้ไม่ค่อยจะชอบหน้าเขาซักเท่าไรเลยนี่นา
โจ คยูฮยอน
น้องชายคนละแม่ของฮยอกแจ
ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเมียหลวง
ทำให้ไม่ชอบหน้าฮยอกแจตั้งแต่เด็ก
ถึงจะเสี่ยงตายมาด้วยกัน
เพราะถูกเจ้าหนี้ตามล่ามาก็มาก
แต่ก็ยังไม่สนิทกันอยู่ดี
“คยูฮยอน” ฮยอกแจเอ่ยทักน้องชายเสียงเบา
แต่เด็กหนุ่มหันมามองที่เขาเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะหันไปคุยกับซีวอนแทน
“นายหายไปไหนมาตั้งนาน ปล่อยให้ฉันคอยในที่โสโครกแบบนี้ได้ยังไง” เด็กหนุ่มว่าอย่างหัวเสีย
จริงๆแล้วร้านเหล้าแห่งนี้ก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากมาย
อยู่ที่ใจร้อนรุ่มของคนๆนี้ต่างหาก
ฮยอกแจได้แต่มองน้องชายเงียบๆ
ไม่ได้ว่าอะไร ชินซะแล้วที่ถูกน้องเมินแบบนี้ ก็เขาจะไปว่าอะไรน้องคนนี้ได้ เพราะเขาเองเป็นแค่ลูกเมียน้อย
ต่ำต้อยจนไม่มีสิทธิ์ใช้นามสกุล โจ ของบ้านใหญ่
ผิดกับน้องชายที่เกิดมากับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพ่อ
ภรรยาที่ถึงแม้ว่าจะมาทีหลังแม่ แต่ก็มีฐานะ
มีหน้ามีตาทางสังคมเหมาะสมกับพ่อทุกประการ
ฮยอกแจยอมรับว่าน้องชายคนนี้หน้าตาดีกว่าเขา
สูงกว่า หัวดีกว่า เหมาะจะเป็นทายาทที่น่าภาคภูมิใจของตระกูลโจ แต่น่าเสียดาย
เป็นเพราะการพนันตัวเดียวที่เปลี่ยนชีวิตที่แสนสบายของน้องชายคนนี้จากหน้ามือเป็นหลังมือภายในไม่กี่วัน
“ก็ไปตามฮยอกแจมาไงล่ะ
มีเรื่องจะคุยกับพี่ของนายไม่ใช่หรอ” ซีวอนว่า
นึกขำกับพี่น้องสองคนนี้ที่นิสัยไม่มีผิดกันเลยสักนิด
“มีอะไรจะคุยกับพี่หรอ” เป็นฮยอกแจอีกนั่นแหละที่ชวนคุยก่อน
เขาเกลียดความเงียบที่มักจะเกิดขึ้นเสมอเวลาคุยกับน้องคนนี้
“ไม่มี” คยูฮยอนตอบเสียงเรียบ แต่ก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าพี่ชายของตนสักนิด
“เฮ้ๆ นายจะชวนพี่นายไปงานรับปริญญาอาทิตย์หน้าไม่ใช่หรอ” ซีวอนขัดขึ้นเมื่อเห็นบทสนทนาเริ่มเปลี่ยนไปคนละทิศละทางกับที่เตรียมเอาไว้
“ไม่!!” เด็กหนุ่มบอกปัด ถึงแม้ว่าหน้าตาจะเริ่มดูโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ซีวอนก็ยังอยากให้การสนทนาของพี่น้องสองคนนี้กลับมาในทางที่ดี
“แต่ว่า…”
“เซ้าซี้อยู่ได้!!!!
ฉันไม่มีทางชวน ไอ้ตัว ไปร่วมงานอันมีเกียรติของฉันเด็ดขาด!!!” เด็กหนุ่มแผดเสียงอย่างรำคาญ สร้างความตกใจให้กับอีกสองคนอย่างมาก
ไม่ใช่ว่าเป็นคนใจเสาะ แต่คำว่า ไอ้ตัว ที่หลุดออกมาจากปากของคนเป็นน้องนั้น
มันบาดลึกเข้าไปข้างในจิตใจของคนเป็นพี่อย่างยิ่ง
“คยูฮยอน!!!!!” ซีวอนเรียกชื่อของอีกคนเสียงดัง แทบจะเรียกได้ว่าคำราม
เขาก็เป็นผู้ปกครองให้คยูฮยอนแทนฮยอกแจมานาน
ไม่นึกว่าจะมีวาจาร้ายกาจหลุดออกมาจากปากเด็กคนนี้ได้
เขาหันไปมองเพื่อนรักที่ตอนนี้พยายามสะกดอารมณ์ มือกำหมัดแน่นจนสั่นไปทั้งตัว
“ก็มันจริงมั๊ยล่ะ? เพื่อนฉันเขารู้กันทุกคนว่านายน่ะขายตัว ฉันไม่มีทางให้นายไปงาน
ให้ฉันอับอายแน่ๆ!!”
คยูฮยอนโพล่งทุกเรื่องที่เขารู้ออกมาจนหมด
นึกรังเกียจเจ้าลูกเมียน้อยคนนี้นัก เป็นลูกเมียน้อยมันยังตกต่ำไม่พอรึไง
ถึงต้องมาทำงานแบบนี้อีก โชคดีที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นพี่น้องกับคนๆนี้
ไม่อย่างนั้นความตกต่ำคงลามปามมาถึงการใช้ชีวิตในมหาลัยของเขาแน่ๆ เขาคงต้องทนถึง 4 ปีกับการถูกล้อว่ามีพี่เป็นไอ้ตัว
อยู่ในร้านเหล้า Revel
“คยูฮยอน
มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!!” ซีวอนที่ทนฟังอยู่นานชักทนไม่ไหวขึ้นมาซะเอง
ไม่รู้ว่าเจ้าเพื่อนหัวเหลืองคนนี้ยืนทนฟังน้องว่าอยู่ได้อย่างไร
เขากระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มเข้าหาตัวอย่างแรงจนอีกคนแทบจะปลิวติดมือมา
คยูฮยอนเป็นเด็กหัวดีที่ไม่เก่งด้านกีฬา
ถึงตัวจะสูงไม่แพ้คนตรงหน้า แต่ก็ดูอ่อนแอไปเลยถ้าเทียบกับผู้ชายคนนี้ น่ากลัว
เป็นความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อมองไปยังซีวอน เขาไม่เคยเห็นท่าทางน่ากลัวแบบนี้ของคนตรงหน้ามาก่อน
หรือเป็นเพราะว่าจะปกป้องเจ้าลูกเมียน้อยคนนั้น
นายถึงได้ทำท่าทางแบบนี้ใส่ฉัน
“เป็นอะไร
หรือว่านายก็เคยใช้บริการเจ้าลูกเมียน้อยนี่ด้วย” คยูฮยอนว่าเข้าเพราะรู้สึกขัดใจ
ก็เขาพูดความจริง ทำไมจะต้องไปปกป้องหมอนั่นด้วย
“นายจะดูถูกพี่ชายนายมากไปแล้ว
ถึงยังไงนายก็ยังใช้เงินที่พี่นายหามาอยู่นะ!!” ซีวอนทำท่าจะชกเด็กหนุ่มเพื่อสั่งสอนแต่ก็ถูกขัดขึ้นซะก่อนโดยเพื่อนรักของเขาเอง
“พอเถอะซีวอน
ปล่อยคยูฮยอนซะ” ฮยอกแจร้องห้ามเสียงเหนื่อยๆ
ถึงแม้ว่าซีวอนจะไม่ค่อยถูกใจกับคำสั่งนี้เท่าไหร่ แต่ก็ยอมปล่อยโดยดี
เด็กหนุ่มเจ้าปัญหารีบเดินหนีออกจากร้านไปอย่างไม่สบอารมณ์
ซีวอนหันไปมองเพื่อนซี้อย่างไม่เข้าใจ ท่าทางไม่เอาความแบบนั้นในความคิดของซีวอน
มันน่าโดนอัดซะแทนน้องมันนัก
“นายไม่ได้ขายตัวทำไมไม่เถียงไปบ้าง”ซีวอนว่าเข้าบ้างเพราะทนไม่ไหวจริงๆ
“ถูกของหมอนั่นแล้ว
ที่ฉันทำอยู่ก็ไม่ต่างอะไรนักหรอก เพราะฉันต้องทำตามที่แขกต้องการทุกอย่าง” ฮยอกแจตอบอย่างขอไปที ก็จริงอยู่ว่าเรื่องบนเตียงกับแขกนั้น
ส่วนใหญ่เขาจะสามารถใช้ไหวพริบหนีรอดออกมาได้
แต่ในเมื่อถูกเปิดตัวเป็นโฮสต์ที่ยอมทำตามความต้องการของแขกทุกอย่างแล้ว
มันก็ไม่ผิดอะไรที่คนอื่นจะคิดอย่างนั้น
“แต่นายควรจะบอกน้องนายไปได้แล้ว
ว่าเป็นเพราะนายอยากให้หมอนั่นสบาย ถึงได้ยอมมาเป็นโฮสต์แบบนี้!!!”ซีวอนที่ท่าทางหงุดหงิดกว่ายังคงว่าต่อ
ฮยอกแจถอนหายใจเมื่อได้ยิน
เขาเองก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรนักหรอก แล้วก็ไม่ได้รักน้องชายเกเรคนนี้อะไรนักหนา
คนที่ประเสริฐที่สุดคือแม่ของเขาต่างหาก แม้ว่าจะเป็นลูกนอกไส้
แต่คยูฮยอนเป็นเด็กที่ไม่เคยเจอกับความลำบาก แม่จึงฝากฝังให้เขาดูแลน้องคนนี้ด้วย
เพราะถึงยังไงก็มีสายเลือดของพ่อเหมือนกัน สัญญาที่ให้ไว้กับแม่ สัญญาครั้งสุดท้าย
มันยังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา และเขาจะไม่ยอมผิดคำพูดที่ให้ไว้กับแม่เด็ดขาด
นึกถึงตรงนี้ขึ้นมา
ร่างเล็กก็หักนิ้วเปาะหรี่ตามองไปที่เพื่อนรักซึ่งหันมาพอดี
และเหมือนจะเริ่มรู้ตัว อีกคนผงะถอยหลังหนี
ไม่นึกว่าเพื่อนซี้จะปรับอารมณ์เร็วขนาดนี้
“เมื่อกี้นาย
จะต่อยน้องฉันหรอ ฮะ!!!???”
--------------------------------------------------------
พลบค่ำ
เวลาที่เหล่าหนุ่มสาวขี้เหงาจะออกตระเวนทัวร์ ดื่มด่ำ
ความสนุกสนานของยามราตรีอีกครั้ง และแน่นอนว่าร้านเหล้า Revel ก็อาจเป็นตัวเลือกต้นๆของใครหลายๆคน
ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้น จะสนใจแค่เพียงได้ลิ้มรส ความนุ่มของเหล้าชั้นดี
แต่แขกที่มาที่นี่ ส่วนมากแล้วจะติดใจกับบริการแปลกใหม่ที่เสริมเข้ามาด้วย
แทบจะทุกโต๊ะในร้าน
เหล่าลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรต่างสนอกสนใจที่จะใช้บริการ โฮสต์ เป็นเพื่อนนั่ง
กิน ดื่ม คุย หรือ อะไรอีกหลายๆอย่าง ที่โฮสต์คนนั้นจะสามารถบริการได้
ใต้บรรยากาศที่แสนสนุกสนานนี้เห็นจะมีก็แต่ชายหน้าหวานคนหนึ่งที่กำลังคร่ำเคร่งกับอะไรสักอย่างอยู่มุมหนึ่งของร้าน
ประกายผมสีส้มแสบตาที่แสนจะเหมาะกับใบหน้าหวานๆนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะทำตัวไม่ให้โดดเด่นแล้วนะ
แต่ก็ยังเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครอยู่ดี
ทงเฮหลบจากแสงไฟสว่างมานั่งอยู่คนเดียวเงียบๆมุมสุดของร้าน
ใกล้จะถึงเวลาเปิดตัวโฮสต์ใหม่แบบเขาเข้าไปทุกที
ไม่นึกว่าชีวิตนี้จะต้องมาเป็นโฮสต์จริงๆ เมื่อถูกบอกให้เตรียมตัวลงฟลอร์ ก็หมายความว่าบอสใหญ่ได้เซ็นยินยอมสัญญา
3เดือนของเขาแล้ว
ซึ่งข้อนี้ทงเฮไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนัก
นึกถึงใบหน้าคมๆของบอสใหญ่
แววตาแบบนั้นแสดงให้เห็นว่าคนๆนี้มีความกระหายในชัยชนะขั้นรุนแรง
และไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน
แต่ที่น่าแปลกใจกว่าก็คือ
ทำไมคนมารยาทดีอย่างเขาจะต้องมาฝึกมารยาทอะไรอีกให้มันเสียเวลา
คนที่สมควรจะฝึกเรื่องนี้ ให้หนักๆเลยมันน่าจะเป็น
คนที่เข้ามาขัดจังหวะฉากเลิฟซีนที่ยังไม่ทันจะเริ่มของเขากับฮยอกแจต่างหากล่ะ!!!
ว่าแล้วก็จิกสายตาไปยังเพื่อนรุ่นพี่ตัวแสบที่ตอนนี้วางมาดเป็นเจ้าของร้านเต็มตัว
เดินตรวจตราไปทั่วจนน่าหมั่นไส้
มันก็น่าเคืองอยู่หรอกในเมื่อตอนนั้นเขากำลังได้เปรียบอยู่เห็นๆ
และแทบจะเวียนหัวเมื่อนึกถึง Class เรียนมารยาทกับพี่จองซู
เมื่อกลางวันที่สอนให้พูดครับๆอะไรก็ไม่รู้จนปากชาไปหมด
ตอนนี้ใครเล่าจะรู้
ว่าความเครียดได้ก่อตัวในใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดตอนนี้ก็คือ…กำลังใจ
แต่คนที่ไม่มีเพื่อน
ไม่มีใครรู้จักหัวนอนปลายเท้าแบบเขา จะหาใครที่ไหนมาปลอบล่ะ
“ตื่นเต้นรึไง?” เสียงหนึ่งเอ่ยทักทงเฮ ที่กำลังก้มหน้าลงต่ำเพราะเริ่มปวดท้อง
เวลาเครียดมากๆทีไร
มันจะเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า
“อืม” ทงเฮเงยหน้าตอบ นึกขอบคุณ ที่ยังมีคนรับรู้อยู่บ้าง ถึงการมีตัวตนของเขา
และไม่อยากจะเชื่อ เป็นเจ้าหนุ่มผมเหลืองที่หายจ๋อยไปเลยตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน
โฮสต์อันดับหนึ่งคนนั้นนั่นเองที่มาคุยกับเขาก่อน
“นาย...หายไปไหนมา” ทงเฮถามขึ้นช้าๆไม่ใช่เพราะล้าจากอาการปวดท้อง แต่ว่ากำลังดีใจจนคิดคำพูดไม่ออกที่คนๆนี้มายืนอยู่ตรงหน้าต่างหาก
“…” ชายหนุ่มไม่ตอบ
ได้แต่มองคนที่นั่งอยู่แทน สายตาแบบนั้น เขาเข้าใจดี นึกถึงวันแรกที่มาทำงานที่นี่
เขาเองก็หลบมานั่งอยู่ตรงมุมนี้เหมือนกัน
“ฉันอยากได้กำลังใจจัง” ทงเฮพูดอ้อนๆ
ก็อ้อนไปงั้นๆ ไม่นึกว่าคำตอบที่ได้จะต่างจากที่เขาคิดเอาไว้
“อยากให้ฉันทำอะไร?”
“หืม??? ทำให้จริงหรอ???” ทงเฮทำตาโตอย่างสนใจ ลืมไปแล้วว่าปวดท้องอยู่
“เลิกงานแล้วค่อยว่ากันแล้วกันนะ” ฮยอกแจว่า
ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ก่อนจะกลับฟลอร์ไปทำหน้าที่ หารู้ไม่ว่าอีกคนได้คิดเตลิดไปไกล
ถึงไหนๆ แล้ว