วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 6 น้องชาย


6
น้องชาย


                “คนนั้นใช่เด็กใหม่รึเปล่า หน้าหวานเหมือนผู้หญิงจริงๆซะด้วย แล้วไหนนายบอกว่ายังไงๆก็ไม่มีทางลงเอยกับผู้ชายด้วยกันไง แล้วเมื่อกี้มันอะไรล่ะ?”


                คำถามที่ใส่มาเป็นชุดของเพื่อนสนิท ทำให้ฮยอกแจแทบอยากเข้าไปอัดซักเปรี้ยงใหญ่โทษฐานที่พูดจาไม่เข้าหู แต่แทนที่จะตอบคำถามที่จุดประกายโมโหพวกนั้น สู้เปลี่ยนไปคุยเรื่องน้องชายของเขา ยังจะดีซะกว่า


                “พูดเรื่องคยูฮยอนมาดีกว่า นี่ฉันจ้างนายให้คอยดูแลน้องฉันนะ ไม่ได้จ้างให้มาถามคำถามไร้สาระ บอกมา น้องฉันเป็นอะไร


                การดูแลน้องชายของฮยอกแจเรียกได้ว่าเป็นงานพาร์ททามอีกอย่างของซีวอน ซึ่งตรงนี้ฮยอกแจเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพื่อนคนนี้จะทำงานหลายอย่างไปทำไมทั้งๆที่ก็มีงานประจำอยู่แล้ว


                แต่ยังไงซะก็ยังดีกว่าไปไหว้วานคนที่ไม่รู้จักล่ะนะ


                “อย่าเพิ่งโมโหสิ เรื่องของน้องนายเป็นเรื่องน่ายินดีนะ ฉันพาคยูฮยอนมาด้วย พวกนายเป็นพี่น้องกัน ให้คุยกันเองน่าจะดีกว่า” ซีวอนว่าอย่างใจเย็น ชี้มือไปที่โต๊ะตัวหนึ่งภายในร้าน ที่มีผู้ชายตัวสูงนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว


                ฮยอกแจมีสีหน้าลำบากใจ ถ้าเป็นพี่น้องคู่อื่นคงจะเดินเข้าไปทักทายกันได้อย่างสนิทสนม แต่ว่าเขากับน้องนั้นไม่ใช่ เขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อน้องชายคนนี้ไม่ค่อยจะชอบหน้าเขาซักเท่าไรเลยนี่นา

โจ คยูฮยอน
น้องชายคนละแม่ของฮยอกแจ ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเมียหลวง
ทำให้ไม่ชอบหน้าฮยอกแจตั้งแต่เด็ก ถึงจะเสี่ยงตายมาด้วยกัน
เพราะถูกเจ้าหนี้ตามล่ามาก็มาก แต่ก็ยังไม่สนิทกันอยู่ดี


                “คยูฮยอน” ฮยอกแจเอ่ยทักน้องชายเสียงเบา แต่เด็กหนุ่มหันมามองที่เขาเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะหันไปคุยกับซีวอนแทน


                “นายหายไปไหนมาตั้งนาน ปล่อยให้ฉันคอยในที่โสโครกแบบนี้ได้ยังไง” เด็กหนุ่มว่าอย่างหัวเสีย จริงๆแล้วร้านเหล้าแห่งนี้ก็ไม่ได้สกปรกอะไรมากมาย อยู่ที่ใจร้อนรุ่มของคนๆนี้ต่างหาก


                ฮยอกแจได้แต่มองน้องชายเงียบๆ ไม่ได้ว่าอะไร ชินซะแล้วที่ถูกน้องเมินแบบนี้ ก็เขาจะไปว่าอะไรน้องคนนี้ได้ เพราะเขาเองเป็นแค่ลูกเมียน้อย ต่ำต้อยจนไม่มีสิทธิ์ใช้นามสกุล โจ ของบ้านใหญ่ ผิดกับน้องชายที่เกิดมากับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพ่อ ภรรยาที่ถึงแม้ว่าจะมาทีหลังแม่ แต่ก็มีฐานะ มีหน้ามีตาทางสังคมเหมาะสมกับพ่อทุกประการ


                ฮยอกแจยอมรับว่าน้องชายคนนี้หน้าตาดีกว่าเขา สูงกว่า หัวดีกว่า เหมาะจะเป็นทายาทที่น่าภาคภูมิใจของตระกูลโจ แต่น่าเสียดาย เป็นเพราะการพนันตัวเดียวที่เปลี่ยนชีวิตที่แสนสบายของน้องชายคนนี้จากหน้ามือเป็นหลังมือภายในไม่กี่วัน
      
         
                “ก็ไปตามฮยอกแจมาไงล่ะ มีเรื่องจะคุยกับพี่ของนายไม่ใช่หรอ” ซีวอนว่า นึกขำกับพี่น้องสองคนนี้ที่นิสัยไม่มีผิดกันเลยสักนิด


                “มีอะไรจะคุยกับพี่หรอ” เป็นฮยอกแจอีกนั่นแหละที่ชวนคุยก่อน เขาเกลียดความเงียบที่มักจะเกิดขึ้นเสมอเวลาคุยกับน้องคนนี้


                “ไม่มี” คยูฮยอนตอบเสียงเรียบ แต่ก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าพี่ชายของตนสักนิด


                “เฮ้ๆ นายจะชวนพี่นายไปงานรับปริญญาอาทิตย์หน้าไม่ใช่หรอ” ซีวอนขัดขึ้นเมื่อเห็นบทสนทนาเริ่มเปลี่ยนไปคนละทิศละทางกับที่เตรียมเอาไว้


                “ไม่!!” เด็กหนุ่มบอกปัด ถึงแม้ว่าหน้าตาจะเริ่มดูโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ซีวอนก็ยังอยากให้การสนทนาของพี่น้องสองคนนี้กลับมาในทางที่ดี


                “แต่ว่า…”


                “เซ้าซี้อยู่ได้!!!! ฉันไม่มีทางชวน ไอ้ตัว ไปร่วมงานอันมีเกียรติของฉันเด็ดขาด!!!” เด็กหนุ่มแผดเสียงอย่างรำคาญ สร้างความตกใจให้กับอีกสองคนอย่างมาก ไม่ใช่ว่าเป็นคนใจเสาะ แต่คำว่า ไอ้ตัว ที่หลุดออกมาจากปากของคนเป็นน้องนั้น มันบาดลึกเข้าไปข้างในจิตใจของคนเป็นพี่อย่างยิ่ง


                “คยูฮยอน!!!!!” ซีวอนเรียกชื่อของอีกคนเสียงดัง แทบจะเรียกได้ว่าคำราม เขาก็เป็นผู้ปกครองให้คยูฮยอนแทนฮยอกแจมานาน ไม่นึกว่าจะมีวาจาร้ายกาจหลุดออกมาจากปากเด็กคนนี้ได้ เขาหันไปมองเพื่อนรักที่ตอนนี้พยายามสะกดอารมณ์ มือกำหมัดแน่นจนสั่นไปทั้งตัว


                “ก็มันจริงมั๊ยล่ะเพื่อนฉันเขารู้กันทุกคนว่านายน่ะขายตัว ฉันไม่มีทางให้นายไปงาน ให้ฉันอับอายแน่ๆ!!


                คยูฮยอนโพล่งทุกเรื่องที่เขารู้ออกมาจนหมด นึกรังเกียจเจ้าลูกเมียน้อยคนนี้นัก เป็นลูกเมียน้อยมันยังตกต่ำไม่พอรึไง ถึงต้องมาทำงานแบบนี้อีก โชคดีที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นพี่น้องกับคนๆนี้ ไม่อย่างนั้นความตกต่ำคงลามปามมาถึงการใช้ชีวิตในมหาลัยของเขาแน่ๆ เขาคงต้องทนถึง ปีกับการถูกล้อว่ามีพี่เป็นไอ้ตัว อยู่ในร้านเหล้า Revel


                “คยูฮยอน มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!!” ซีวอนที่ทนฟังอยู่นานชักทนไม่ไหวขึ้นมาซะเอง ไม่รู้ว่าเจ้าเพื่อนหัวเหลืองคนนี้ยืนทนฟังน้องว่าอยู่ได้อย่างไร เขากระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มเข้าหาตัวอย่างแรงจนอีกคนแทบจะปลิวติดมือมา


                คยูฮยอนเป็นเด็กหัวดีที่ไม่เก่งด้านกีฬา ถึงตัวจะสูงไม่แพ้คนตรงหน้า แต่ก็ดูอ่อนแอไปเลยถ้าเทียบกับผู้ชายคนนี้ น่ากลัว เป็นความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อมองไปยังซีวอน  เขาไม่เคยเห็นท่าทางน่ากลัวแบบนี้ของคนตรงหน้ามาก่อน


                หรือเป็นเพราะว่าจะปกป้องเจ้าลูกเมียน้อยคนนั้น นายถึงได้ทำท่าทางแบบนี้ใส่ฉัน


                “เป็นอะไร หรือว่านายก็เคยใช้บริการเจ้าลูกเมียน้อยนี่ด้วย” คยูฮยอนว่าเข้าเพราะรู้สึกขัดใจ ก็เขาพูดความจริง ทำไมจะต้องไปปกป้องหมอนั่นด้วย


                “นายจะดูถูกพี่ชายนายมากไปแล้ว ถึงยังไงนายก็ยังใช้เงินที่พี่นายหามาอยู่นะ!!” ซีวอนทำท่าจะชกเด็กหนุ่มเพื่อสั่งสอนแต่ก็ถูกขัดขึ้นซะก่อนโดยเพื่อนรักของเขาเอง


                “พอเถอะซีวอน ปล่อยคยูฮยอนซะ” ฮยอกแจร้องห้ามเสียงเหนื่อยๆ ถึงแม้ว่าซีวอนจะไม่ค่อยถูกใจกับคำสั่งนี้เท่าไหร่ แต่ก็ยอมปล่อยโดยดี เด็กหนุ่มเจ้าปัญหารีบเดินหนีออกจากร้านไปอย่างไม่สบอารมณ์ ซีวอนหันไปมองเพื่อนซี้อย่างไม่เข้าใจ ท่าทางไม่เอาความแบบนั้นในความคิดของซีวอน มันน่าโดนอัดซะแทนน้องมันนัก
  

                “นายไม่ได้ขายตัวทำไมไม่เถียงไปบ้างซีวอนว่าเข้าบ้างเพราะทนไม่ไหวจริงๆ


                “ถูกของหมอนั่นแล้ว ที่ฉันทำอยู่ก็ไม่ต่างอะไรนักหรอก เพราะฉันต้องทำตามที่แขกต้องการทุกอย่าง” ฮยอกแจตอบอย่างขอไปที ก็จริงอยู่ว่าเรื่องบนเตียงกับแขกนั้น ส่วนใหญ่เขาจะสามารถใช้ไหวพริบหนีรอดออกมาได้ แต่ในเมื่อถูกเปิดตัวเป็นโฮสต์ที่ยอมทำตามความต้องการของแขกทุกอย่างแล้ว มันก็ไม่ผิดอะไรที่คนอื่นจะคิดอย่างนั้น


                “แต่นายควรจะบอกน้องนายไปได้แล้ว ว่าเป็นเพราะนายอยากให้หมอนั่นสบาย ถึงได้ยอมมาเป็นโฮสต์แบบนี้!!!ซีวอนที่ท่าทางหงุดหงิดกว่ายังคงว่าต่อ


                ฮยอกแจถอนหายใจเมื่อได้ยิน เขาเองก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรนักหรอก แล้วก็ไม่ได้รักน้องชายเกเรคนนี้อะไรนักหนา คนที่ประเสริฐที่สุดคือแม่ของเขาต่างหาก แม้ว่าจะเป็นลูกนอกไส้ แต่คยูฮยอนเป็นเด็กที่ไม่เคยเจอกับความลำบาก แม่จึงฝากฝังให้เขาดูแลน้องคนนี้ด้วย เพราะถึงยังไงก็มีสายเลือดของพ่อเหมือนกัน สัญญาที่ให้ไว้กับแม่  สัญญาครั้งสุดท้าย มันยังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา และเขาจะไม่ยอมผิดคำพูดที่ให้ไว้กับแม่เด็ดขาด


                นึกถึงตรงนี้ขึ้นมา ร่างเล็กก็หักนิ้วเปาะหรี่ตามองไปที่เพื่อนรักซึ่งหันมาพอดี และเหมือนจะเริ่มรู้ตัว อีกคนผงะถอยหลังหนี ไม่นึกว่าเพื่อนซี้จะปรับอารมณ์เร็วขนาดนี้


                “เมื่อกี้นาย จะต่อยน้องฉันหรอ ฮะ!!!???”



--------------------------------------------------------



                พลบค่ำ เวลาที่เหล่าหนุ่มสาวขี้เหงาจะออกตระเวนทัวร์ ดื่มด่ำ ความสนุกสนานของยามราตรีอีกครั้ง และแน่นอนว่าร้านเหล้า Revel ก็อาจเป็นตัวเลือกต้นๆของใครหลายๆคน ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้น จะสนใจแค่เพียงได้ลิ้มรส ความนุ่มของเหล้าชั้นดี แต่แขกที่มาที่นี่ ส่วนมากแล้วจะติดใจกับบริการแปลกใหม่ที่เสริมเข้ามาด้วย


                แทบจะทุกโต๊ะในร้าน เหล่าลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรต่างสนอกสนใจที่จะใช้บริการ โฮสต์ เป็นเพื่อนนั่ง กิน ดื่ม คุย หรือ อะไรอีกหลายๆอย่าง ที่โฮสต์คนนั้นจะสามารถบริการได้


                ใต้บรรยากาศที่แสนสนุกสนานนี้เห็นจะมีก็แต่ชายหน้าหวานคนหนึ่งที่กำลังคร่ำเคร่งกับอะไรสักอย่างอยู่มุมหนึ่งของร้าน ประกายผมสีส้มแสบตาที่แสนจะเหมาะกับใบหน้าหวานๆนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะทำตัวไม่ให้โดดเด่นแล้วนะ แต่ก็ยังเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครอยู่ดี


                ทงเฮหลบจากแสงไฟสว่างมานั่งอยู่คนเดียวเงียบๆมุมสุดของร้าน ใกล้จะถึงเวลาเปิดตัวโฮสต์ใหม่แบบเขาเข้าไปทุกที ไม่นึกว่าชีวิตนี้จะต้องมาเป็นโฮสต์จริงๆ เมื่อถูกบอกให้เตรียมตัวลงฟลอร์ ก็หมายความว่าบอสใหญ่ได้เซ็นยินยอมสัญญา 3เดือนของเขาแล้ว


                ซึ่งข้อนี้ทงเฮไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนัก นึกถึงใบหน้าคมๆของบอสใหญ่ แววตาแบบนั้นแสดงให้เห็นว่าคนๆนี้มีความกระหายในชัยชนะขั้นรุนแรง และไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน


                แต่ที่น่าแปลกใจกว่าก็คือ ทำไมคนมารยาทดีอย่างเขาจะต้องมาฝึกมารยาทอะไรอีกให้มันเสียเวลา คนที่สมควรจะฝึกเรื่องนี้ ให้หนักๆเลยมันน่าจะเป็น คนที่เข้ามาขัดจังหวะฉากเลิฟซีนที่ยังไม่ทันจะเริ่มของเขากับฮยอกแจต่างหากล่ะ!!!

                ว่าแล้วก็จิกสายตาไปยังเพื่อนรุ่นพี่ตัวแสบที่ตอนนี้วางมาดเป็นเจ้าของร้านเต็มตัว เดินตรวจตราไปทั่วจนน่าหมั่นไส้ มันก็น่าเคืองอยู่หรอกในเมื่อตอนนั้นเขากำลังได้เปรียบอยู่เห็นๆ และแทบจะเวียนหัวเมื่อนึกถึง Class เรียนมารยาทกับพี่จองซู เมื่อกลางวันที่สอนให้พูดครับๆอะไรก็ไม่รู้จนปากชาไปหมด


                ตอนนี้ใครเล่าจะรู้ ว่าความเครียดได้ก่อตัวในใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดตอนนี้ก็คือกำลังใจ


                แต่คนที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครรู้จักหัวนอนปลายเท้าแบบเขา จะหาใครที่ไหนมาปลอบล่ะ


                “ตื่นเต้นรึไง?” เสียงหนึ่งเอ่ยทักทงเฮ ที่กำลังก้มหน้าลงต่ำเพราะเริ่มปวดท้อง


                เวลาเครียดมากๆทีไร มันจะเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า


                “อืม” ทงเฮเงยหน้าตอบ นึกขอบคุณ ที่ยังมีคนรับรู้อยู่บ้าง ถึงการมีตัวตนของเขา และไม่อยากจะเชื่อ เป็นเจ้าหนุ่มผมเหลืองที่หายจ๋อยไปเลยตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน โฮสต์อันดับหนึ่งคนนั้นนั่นเองที่มาคุยกับเขาก่อน


                “นาย...หายไปไหนมา” ทงเฮถามขึ้นช้าๆไม่ใช่เพราะล้าจากอาการปวดท้อง แต่ว่ากำลังดีใจจนคิดคำพูดไม่ออกที่คนๆนี้มายืนอยู่ตรงหน้าต่างหาก


                “…” ชายหนุ่มไม่ตอบ ได้แต่มองคนที่นั่งอยู่แทน สายตาแบบนั้น เขาเข้าใจดี นึกถึงวันแรกที่มาทำงานที่นี่ เขาเองก็หลบมานั่งอยู่ตรงมุมนี้เหมือนกัน


                “ฉันอยากได้กำลังใจจัง” ทงเฮพูดอ้อนๆ ก็อ้อนไปงั้นๆ ไม่นึกว่าคำตอบที่ได้จะต่างจากที่เขาคิดเอาไว้


                “อยากให้ฉันทำอะไร?”


                “หืม??? ทำให้จริงหรอ???” ทงเฮทำตาโตอย่างสนใจ ลืมไปแล้วว่าปวดท้องอยู่


                “เลิกงานแล้วค่อยว่ากันแล้วกันนะ” ฮยอกแจว่า ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ก่อนจะกลับฟลอร์ไปทำหน้าที่ หารู้ไม่ว่าอีกคนได้คิดเตลิดไปไกล ถึงไหนๆ แล้ว


                นายเป็นคนพูดเองนะ ฮยอกแจ....



วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 5 ปากแข็ง


5
ปากแข็ง


                “อ๊า ~ ” เสียงครวญแห่งความสุขดังขึ้น เมื่อถูกอีกฝ่ายปรนเปรอจังหวะรักให้


                “นายชอบรึเปล่าฮยอกแจ” เจ้าของเสียงหันมาถาม ใต้แสงไฟสลัวนั้นถึงจะมองหน้าคนพูดไม่ค่อยถนัดนัก แต่ก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร เจ้าของชื่อมองคนถามแล้วผงะเล็กน้อย กะจะไม่ไปต่อเหมือนกัน แต่มาถึงขั้นนี้ อ้อยเข้าปากช้างแล้วใครมันจะไปหยุดง่ายๆ


                เมื่อเห็นอีกคนไม่มีทีท่าว่าจะตอบ ร่างนั้นจึงถามขึ้นอีกครั้ง


                “นายต้องการฉันใช่มั๊ย ฮยอกแจ พูดมาสิ


                “….” คนถูกอ้อนเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แต่เน้นไปที่การกระทำแทน ท่วงทำนองแห่งรักเริ่มร้อนแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ปรารถนาในใจ


                แต่ถึงจะสามารถรับรู้ความรู้สึกได้จากสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้ แต่คนดื้อก็ยังคงดื้ออยู่วันยังค่ำ ยังคงอยากฟังเสียง อยากรู้ว่าอีกคนรู้สึกอย่างไรกับแรงรักที่ส่งไปให้เช่นกัน


                “ถ้าชอบ ก็เรียกชื่อฉัน เรียกชื่อฉันสิฮยอกแจ


                เมื่อเห็นว่าเรื่องที่ขอก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ฮยอกแจจึงเร่งบทรักให้เร็วขึ้น แรงกระเส่าทำให้เสียงแห่งความสุขเล็ดรอดออกมาเป็นชื่อของคนที่อยากฟังนักหนา


                “อ..อา~”






                “ทงเฮ อา ~ ”



                เขากระตุกครั้งสุดท้าย และ






                ตื่นจากความฝัน


                ร่างเล็กๆเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่โฮสต์ส่วนใหญ่จะนอนกลางวัน เพราะต้องตื่นไปทำงานตอนกลางคืน และก็ไม่แปลกที่ผู้ชายคนนึงจะเคยฝันถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครสักคน


                แต่ตอนนี้ที่มันน่าแปลกก็คือ


                ทำไมเขาดันมาฝันถึงเรื่องอย่างว่าตอนกลางวันแสกๆแดดร้อนแบบนี้ได้ล่ะ ที่แปลกที่สุดก็คือ ทำไมต้องเป็นเขากับเจ้าหนุ่มผมส้มคนนั้นด้วย!


                นึกแล้วก็น่าหงุดหงิด นี่ต้องเป็นเพราะเจ้าตัวดีทงเฮแน่ๆที่พูดกรอกหูเขาเรื่องชายรักชายตั้งแต่เมื่อคืน และคุณเพื่อนซี้ซีวอนที่มาถามต่ออีกเมื่อเช้า


                แต่คงไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดไปกว่า การที่ต้องตื่นมาเจอหน้าเจ้าตัวต้นเหตุที่แอบนั่งกลั้นหัวเราะคิกคักอยู่ตรงปลายเตียงแล้วล่ะมั้ง   


                เฮ้ย!!!!!o[]o


                “นะ นาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ฮยอกแจถามขึ้นเสียงดังอย่างตะกุกตะกัก ไม่รู้จะเรียกว่าตกใจดีหรือเปล่า ตอนนี้มันหลายอาการไปหมด หน้าเริ่มแดง ขนลุกซู่ นี่ยังไม่รวมถึงเจ้าหนูที่ยังแข็งค้างจากฝันเมื่อกี้อีก ชายหนุ่มรีบคว้าผ้ามาคลุมไว้แทบไม่ทัน ซึ่งทันรึเปล่าก็ยังไม่แน่ใจเลย


                ทำไมจะต้องโผล่มาตอนที่ฉันเพิ่งฝันเรื่องแบบนี้กับนายด้วยนะ >//////<


                “ก็นานพอสมควรแล้วนะทงเฮตอบยิ้มๆก่อนจะว่าต่อ


                “แหม แต่ก็นะ ถ้าอยากให้ฉัน Make loveให้ล่ะก็ ขอกันตรงๆก็ได้นี่นาไม่เห็นต้องเก็บไปฝันเลย สำหรับนายฉันพร้อมเสมออยู่แล้ว” ทงเฮตอบอย่างจริงใจเขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน ทำไมจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเพิ่งฝันอะไรไป


                “ฉันไม่ได้ฝันอะไรซักหน่อยฮยอกแจเถียงกลับ ถึงจะเป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆก็เถอะ แต่ใครมันจะไปยอมรับกันง่ายๆล่ะ


                “ปากไม่ตรงกับใจ รู้รึเปล่า ฉันจะเป็นโฮสต์แค่ 3 เดือน ถ้าไม่รีบบอกรักฉันภายในสามเดือนนี้ นายจะต้องเสียใจที่ชวดคนหน้าตาดีแบบฉัน


                “3 เดือน?” ฮยอกแจทวนคำพูดอย่างแปลกใจ สั้นมากจริงๆเมื่อเทียบกับสัญญาที่ไม่มีวันสิ้นสุดของเขา กะจะถามเสียหน่อยถึงรายละเอียดของสัญญานั่น แต่ก็ต้องกลืนลงไปเพราะอีกคนรีบจ้อต่อทันที


                “อื้อ สั้นใช่มั๊ยล่ะ รีบๆเข้านะ อดป่ามป๊ามกับฉันไม่รู้ด้วย


                ตายๆๆไม่รู้ไปสรรหาคำพูดสุดทะเล้นนี่มาจากไหน ฮยอกแจส่ายหน้าอย่างปวดหัว


                ตอนเจอกันวันแรกยังไม่เป็นขนาดนี้เลยนี่นา


                “ไร้สาระ ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปได้แล้ว


                “อะไรกัน ไล่ซะแล้วหรอ ทีเมื่อกี้ยังเรียกฉัน ทงเฮ อา ~ ทงเฮ ~ อยู่เลย” เสียงล้อเลียนของทงเฮยิ่งทำให้ชายหนุ่มขนลุกเข้าไปใหญ่


                น่าหงุดหงิด คนๆนี้น่าหงุดหงิดจริงๆ!!!


                “ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!!!!” ฮยอกแจออกปากไล่เสียงดังด้วยความอาย พร้อมกับหมอนใบโตถูกขว้างไปใส่คนทะเล้นตูมใหญ่ ทำให้อีกคนชักหน้างอขึ้นมาบ้าง


                ร่างโปร่งนั้นเอื้อมตัวไปกระชากคอเสื้อร่างเล็ก แล้วดันตัวไปชนกับพนักพิงหัวเตียงอย่างแรง ‘เจ็บ’ คนตัวเล็กกว่าคิดในใจ เขามีท่าทางตกใจเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วตีหน้าบึ้งขึ้นมาอีกรอบ


                “จะทำอะไร” เป็นคำถามแรกที่คิดขึ้นมาได้ เมื่อเจ้าหนุ่มผมส้มยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ


                “ยังไม่ยอมรับอีกหรอ ว่านายชอบฉันแล้ว” ทงเฮถามสีหน้าจริงจัง ไม่เข้าใจ ทั้งที่การกระทำที่แสดงให้เห็นก็มองออกง่ายซะขนาดนั้น แต่ทำไมคนๆนี้ถึงยังปากแข็งอยู่อีก


                ‘ชอบ’ ก็จริงอยู่ว่าบางส่วนในใจคิดอย่างนั้น เขาอาจจะตอบออกมาโดยไม่ต้องลังเลเลยก็ได้ ถ้าอีกคนเป็นเพียงสาวน้อยธรรมดา สำหรับฮยอกแจผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น แต่ก็อีกนั่นแหละ ถึงได้หงุดหงิดตัวเองอยู่นี่ไงที่ดันไปฝันแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกันได้


                “ไม่!” ฮยอกแจบอกปัดเสียงแข็ง ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กกว่า แต่ก็สูงกว่า และปราดเปรียวกว่า เขาบิดข้อมือทงเฮอย่างรวดเร็ว แล้วเอี้ยวตัวจับมาไพล่ไว้ที่หลัง คล้ายกับท่าที่ตำรวจใช้จับผู้ร้าย แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายคนนี้ก็มีฝีมือการต่อสู้อยู่พอตัว ตอนนี้เขาได้เปรียบ ร่างโปรงบางน่าปวดหัวคนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว


                ทงเฮมีท่าทีตื่นตระหนกไม่นึกว่าคนผอมแห้งอย่างฮยอกแจจะมีแรงเยอะขนาดนี้ ‘เสียท่า’ เป็นคำที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย จึงเริ่มต้นออกแรงดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการนี้


                เมื่อเห็นว่าอีกคนยังต่อต้านฮยอกแจจึงจับร่างนั้นดันลงติดที่นอน ใช้มือที่ยังว่างกดต้นคอ นั่งทับหลังเอาไว้ แล้วใช้เข่ากดขาที่ยังดิ้นพรวดพราดอยู่


                “อย่าดิ้นสิ” ชายหนุ่มร้องปรามก่อนจะก้มลงมากระซิบที่ข้างหูนั้นเบาๆ


                “ไหนบอกว่าจะ Make love กับฉันไม่ใช่รึไง


                ทงเฮหน้าขึ้นสีเมื่อได้ฟัง รู้สึกกระดากอายขึ้นมานิดๆ ไม่ใช่ว่าเป็นคนอินโนเซ้นอะไร ก็ในท่าแบบนี้มันไม่ใช่


                ไม่ใช่แบบนี้!! ไม่ใช่แบบที่ฉันคิดเอาไว้!!!!


                ก็แค่จะแกล้ง ไม่ให้กล้ามาพูดจาทะลึ่งๆกับเขาอีก ไม่นึกว่าเจ้าหนุ่มหน้าหวานจะกลัวจนนิ่งไปเลยแบบนี้ ฮยอกแจมองคนเบื้องล่างอย่างเหนื่อยใจ ค่อยๆคลายการรัดกุมตัวออกช้าๆ


                ‘คิดผิด’ เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อร่างนั้นพลิกตัวหันกลับมาอย่างรวดเร็ว กระโจนใส่ และดันตัวเขาให้แนบไปกับที่นอนแทน ไม่วายยังส่งยิ้มทะเล้นๆมาให้อีก


                “แบบนี้ค่อยถนัดหน่อย” ทงเฮว่า น้ำเสียงที่ร่าเริงขัดกับหน้าตาเหนื่อยๆนั้นทำเอาอีกคนอยากจะขำออกมาเสียเหลือเกิน ติดอยู่ที่ว่าใบหน้าของคนทั้งสองมันใกล้กันเกินไปจนขำไม่ออก


                มันจะเกินไปแล้วนะ!!!!




                “พวกนายทำอะไรกัน” มีเสียงขัดขึ้นซะก่อนที่ใครคนใดคนหนึ่งจะถูกรุกล้ำไปมากกว่านี้


                “พี่จองซู/พี่จองซู!!!” สองเสียงประสานเหมือนกัน เมื่อหันไปพบชายอีกคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ แต่ทว่าต่างอารมณ์


                “พี่เข้ามาทำอะไร” เป็นเจ้าหนุ่มผมส้มที่ถามขึ้นก่อน ท่าทางฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้อีกคนออกห่างตัว


                จองซูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ภาพคน 2 คนนอนกอดกันอยู่บนเตียง เหงื่อท่วมตัวแบบนั้นจะให้คิดอะไรเป็นอื่นไปได้


                นี่กูเข้ามาผิดเวลารึเปล่าเนี่ย =[]=!!


                แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีอีกเสียงขัดขึ้นอีกรอบ


                “ฮยอกแจฉันมีข่าวของน้องนายมาบอก… อ๊ะ! นั่นนายกำลัง…” เจ้าของเสียงเดินเข้ามาในห้อง


                “ซีวอน” เมื่อเห็นว่าคนพูดเป็นใคร ร่างเล็กที่ถูกรัดไว้ก็ถีบจนอีกคนที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นหงายหลัง และรีบเดินนำเพื่อนสนิทให้ออกไปคุยกันข้างนอก


                สำหรับฮยอกแจแล้วน้องชายก็เหมือนกับงาน สำคัญที่สุดเสมอ


                ทงเฮได้แต่มองตามตาปริบๆ ทั้งจุกที่ถูกถีบ ทั้งงงที่ถูกทิ้งไปง่ายๆ ทั้งสงสัยว่าเจ้าหนุ่มรูปหล่อนั่นเป็นใคร และทั้งรำคาญใจกับคุณพี่จองซูที่บอกว่า


                “ฉันมาตามนายไปฝึกเรื่องมารยาทก่อนจะลงฟลอร์ครั้งแรกคืนนี้