7
แขกคนแรก
และแล้ววินาทีนี้ก็มาถึง เป็นเวลา 4 ทุ่มพอดี
ไฟทุกดวงในร้านได้ถูกดับลง ร้านเหล้าที่แสนครึกครื้นมืดสนิท
ลูกค้าแต่ละคนบ้างก็ตกใจ บ้างก็กรีดร้อง ด้วยนึกว่าเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เมื่อ sport
light ดวงหนึ่ง ได้สาดแสงไปยังบุรุษซึ่งอยู่มุมห้อง
ทุกคนต่างก็เข้าใจพ้องกันว่า สมาชิกใหม่ของโฮสต์แห่งนี้ได้ถูกเปิดตัวขึ้นแล้ว
เจ้าหนุ่มรูปร่างโปร่งบาง หัวส้ม
ก้าวเดินอย่างมั่นใจมายังกลางฟลอร์โดยมีแสงจาก Sport light ช่วยนำทาง
ยามเมื่อผมเค้าคลอล้อกับไฟ ยิ่งทำให้สีสันดูเด่นชัดสว่างขึ้นไปอีก
ประกายตาระยิบระยับ ใบหน้าหวาน ปากคลี่ยิ้ม
ฉายให้เห็นถึงความสดใสซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้เพียงครู่ที่แลดูห่อเหี่ยว
นี่คงต้องยกความดีความชอบให้กับคุณโฮสต์อันดับหนึ่งซึ่งแอบส่งสายตามาให้
และเกือบจะหลุดขำเมื่อมองกลับไปแล้วคนตัวเล็กดันทำเป็นแกล้งมองไม่เห็นซะอีก
แทบจะรอไม่ไหวซะแล้วถึงรางวัลที่อยากได้จากเจ้าหนุ่มหัวเหลืองหลังเลิกงาน
เสียงดนตรีที่เปิดคลอกับบรรยากาศของร้านเหล้าหยุดลง
ชายหนุ่มหันมองโดยรอบ ตอนนี้ทุกคนในร้านกำลังจับจ้องมาที่เขา
“สวัสดีครับ ผมทงเฮ
โฮสต์น้องใหม่ของที่นี่ ขอฝากตัวด้วยนะครับ”
สิ้นสุดการแนะนำตัว ทงเฮโค้งน้อยๆ
ตามมาด้วยเสียงปรบมือจากแขกที่ดังขึ้นพร้อมกับความสว่างไสวของแสงนีออน
ถึงจะเป็นการเปิดตัวที่แสนจะธรรมดา แต่ด้วยความที่เป็นหนุ่มรูปงาม
จึงสร้างความพึงพอใจได้ดีไม่น้อยกับแขกบางพวก ไม่ว่าแขกคนนั้นจะเป็นชายหรือหญิง
พวกเขาต่างลุกฮือเข้าไปจองคิวซะจนวุ่นวายไปหมด
ลำบากพี่จองซูผู้ยิ่งใหญ่ต้องมาคอยควบคุมให้อีก แต่นั่นก็แค่แขกพวกแรก
ส่วนอีกพวกที่เหลือ…
“ทำเป็นอลังการ
ที่แท้เจ้าหัวส้มน่าหมั่นไส้นั่น ก็เป็นโฮสต์เหมือนกับน้องฮยอกแจนี่เอง”
ชายคนหนึ่งพูดขัดขึ้นสวนกระแส
จากโต๊ะตัวหนึ่งในร้านที่มีคนนั่งอยู่ 3 คน
ฮยอกแจที่นั่งอยู่ด้วยกันหันมองคนพูดที่ทำหน้าตาไม่ค่อยพอใจ
แขกชาวต่างชาติขาประจำที่หลังๆเริ่มมาบ่อยจนเกินไปแล้ว คุณฮันคยองนั่นเอง
“Revelก็แปลกๆ
ไอ้บ้านั่นเพิ่งมีเรื่องกับฉันไปเมื่อวานแท้ๆ ดันปล่อยให้มาทำงานอีก
ที่นี่ไม่คิดจะสั่งสอนพนักงานของตัวเองบ้างรึไง”
ฮันคยองบ่นอย่างหัวเสีย
นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนแล้วยังแค้นใจไม่หาย
“คุณเองก็เหมือนกัน
เพิ่งเสียหน้ากลับไปเมื่อวานแท้ๆ แล้วทำไมยังกลับมาที่นี่อีกล่ะครับ”
ฮยอกแจว่าเข้าบ้าง
ถึงภาษาที่ใช้ด้วยจะออกทางการแต่เท่าที่ฟังเนื้อความแล้วกลับไม่ให้เกียรติแขกสักเท่าไร
แม้ว่าคนถูกเหน็บจะชินเสียแล้วกับวาจาร้ายๆแบบนี้
แต่อีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกลับมีท่าทีขัดใจ
“นี่น่ะหรอ ฮยอกแจ
คนที่นายบอกว่าถูกอกถูกใจนักหนา”
เขาถามขึ้นในที่สุดพลางมองไปยังโฮสต์หนุ่ม
รู้สึกได้รางๆในใจว่าคนๆนี้หน้าตาคุ้นเหลือเกิน
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น
เขากำลังไม่ชอบใจกับคำพูดของเจ้าโฮสต์คนนี้มากกว่า
“ครับ ผมเอง”
คนถูกเรียกชื่อตอบสั้นๆ
หันไปมองชายหนุ่มเจ้าของเสียงคนนั้น ทันทีที่สบตากันก็เกิดอาการหวาดๆ
รับรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถล้อเล่นด้วยได้
“เออ ฉันลืมไปนี่น้องฮยอกแจของฉัน
ส่วนนี่ฮีชอลเพื่อนสนิทของพี่เอง”
ฮันคยองนึกขึ้นได้จึงแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
“ผมไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้น”
ฮยอกแจรีบบอกปัดทันที
ชักเริ่มเบื่อแขกคนนี้ขึ้นมาตะหงิดๆ
แต่คนที่เบื่อไปแล้วเรียบร้อยเห็นจะเป็นอีกหนุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“เมื่อกี้นายกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า!!!”
ฮีชอลเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยเสียงดังๆ
ไม่คิดจะทักทายอะไรกับเจ้าโฮสต์นี่ทั้งนั้น อย่าว่าแต่เรื่องทักทายเลย
หน้าก็ไม่อยากจะมอง แถมยังอยากเดินหนีไปให้พ้นๆจากตรงนี้ซะอีก
ฮยอกแจของฉัน…งั้นหรอ? ทำไมต้องพาฉันมาฟังเรื่องแบบนี้ด้วย
“ก็กำลังว่าเจ้าหัวส้มที่ต่อยฉันเมื่อวานนี้น่ะสิ”
ฮันคยองบอกชี้มือไปทางเจ้าตัวปัญหา
ที่ตอนนี้มีกลุ่มคนเยอะๆบังไว้จนแทบมองไม่เห็น
“อ้อ
ไอ้หมอนี่เองหรอที่มีเรื่องกับนายเมื่อคืน”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันยังเจ็บไม่หายเลย”
“งั้นฉันจะไปจัดการมันให้เดี๋ยวนี้เลย”
ฮีชอลบอก ทำท่าทางจะลุกขึ้น แต่เจ้าหนุ่มร่างเล็ก
ก็ฉุดมือเขาไว้ซะก่อน
และเหมือนว่าคุณฮีชอลคนนี้จะไม่ค่อยถูกใจเจ้าเด็กหัวเหลืองนี่อยู่ก่อนแล้ว
เขาสะบัดมือนั้นออกอย่างแรงมีสีหน้าบูดบึ้งขึ้นมาทันที
“มีปัญหาอะไร!?”
“ปล่อยเขาไปเถอะครับ
ถ้าอยากจะทำอะไรก็…มาทำกับผมแทน”
ฮยอกแจตอบ ที่พูดไปแบบนั้น
ก็ไม่ใช่ว่าเก่งกล้ามาจากไหน หรือยอมตายแทนใครได้
แต่ปากมันดันพูดออกมาเองทันทีที่สบตากับฮีชอล
ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคนๆนี้ถึงมีท่าทีไม่ค่อยชอบเขานัก
ทั้งที่ก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน
“อย่ามาท้าฉันนะ!!!!”
ฮีชอลตะโกน จนโต๊ะข้างๆเริ่มหันมอง
กะจะไม่โมโหแล้วนะ
แต่เจ้าโฮสต์นี่ยิ่งทำอะไรก็เหมือนยิ่งกระตุ้นให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมา
หรือว่านี่แหละมั้ง ที่เขาเรียกว่า ศัตรูหัวใจ
“ฮีชอลใจเย็นๆก่อน”
ฮันคยองที่เห็นว่าท่าทางไม่ค่อยดีรีบร้องห้าม
แล้วดึงเพื่อนรักให้นั่งลงตามเดิม
เกือบไปแล้วเชียวฮยอกแจ = =
“วันนี้ฉันอุตส่าห์พานายมารู้จักน้องฮยอกแจของฉัน
ใจร่มๆหน่อยนะเพื่อน”
ฮันคยองพูดพลางรินเหล้าให้เพื่อนสนิท
ฮีชอลรับมากระดกเข้าปากอึกใหญ่ แต่ก็ยังจ้องไปแต่ที่โฮสต์ตัวเล็ก
ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ฮยอกแจของฉันอีกแล้วหรอ
มันจะอะไรกันนักกันหนาวะ!!!
“แล้วนายทำไมไม่ดื่มด้วย
พวกฉันจ้างมาให้นั่งดื่มเป็นเพื่อนไม่ได้จ้างให้มาพูดประชดประชัน”
ฮีชอลว่าขึ้นอย่างโมโห คนที่ไม่ชอบหน้ากัน
ให้ตายยังไงก็จะคอยหาเรื่องกันอยู่เสมอ ฮยอกแจทำงานตรงนี้มานานจึงเข้าใจดี และชักจะเริ่มรู้สาเหตุที่คนๆนี้ชอบเหวี่ยงใส่เขาแล้ว
“ผมไม่ดื่มครับ”
โฮสต์หนุ่มตอบอย่างสงบ เพราะว่าทำงานแบบนี้
การระวังตัวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
เขาไม่เคยแตะต้องเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เลยสักครั้ง
“แต่นายต้องดื่ม
นายต้องทำตามที่แขกต้องการไม่ใช่รึไง!!!!”
ฮีชอลร้องว่าเสียงดัง จนฮันคยองตกใจซะเอง
กลัวว่าเพื่อนซี้จะโมโหขึ้นมาอีกรอบจึงรีบร้องปราม
“ดื่มไม่เป็นก็ไม่เป็นไรหรอกน่า
ฉันก็ดื่มกับนายอยู่แล้วทั้งคนนี่นา”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณฮันคยอง
ผมจะดื่มก็ได้แต่ว่าเราต้องเล่นเกมกัน” ฮยอกแจเสนอความเห็น
ยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“เกมอะไรหรอ”
ฮันคยองถามอย่างตื่นเต้น ตอนนี้หัวใจเริ่มพองโต
นี่เป็นครั้งแรกที่โฮสต์ตัวเล็กคนนี้ชวนเขาเล่นเกมด้วย
แต่แทบจะหุบยิ้มเมื่อได้ฟังคำตอบ
“แข่งดวลกินเหล้า
ถ้าคุณแพ้ก็กลับไปซะ”
“แล้วถ้าพี่ชนะล่ะ?”
เมื่อได้ฟังคำถาม
ฮยอกแจยิ้มแล้วหันไปทางอีกคนที่นั่งไม่ออกความเห็นอยู่ตรงข้างๆนั้นแทน
ชายหนุ่มใบหน้างดงาม แต่มีแววตาดุร้าย ที่นั่งทำสีหน้าปั้นยากอยู่ตอนนี้
เขาหัวเราะเบาๆเมื่อต้องสบตานั้นอีกครั้งก่อนจะตอบ
“คืนนี้ผมจะยอมเป็นของคุณก็ได้
คุณฮันคยอง”
----------------------------------------------------
คิ้วของเจ้าหนุ่มหัวส้มแทบจะผูกกันเป็นโบว์
เมื่อต้องมาพบกับแขกคนแรก ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายเท่าไร
แต่ไม่นึกว่าคนๆนี้จะมาในคืนนี้จริงๆ เจ้าบอสใหญ่คนนั้น ...คิม คิบอม
“ลูกค้าคนแรกของฉัน
ไม่น่าประทับใจเท่าไรแฮะ”
ทงเฮว่าเสียงหน่ายๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม
ชักจะเข้าใจโลกเข้าไปทุกวันว่าความเส้นใหญ่นี่มันมีอยู่ทุกวงการจริงๆ
ทงเฮสะบัดหัวเมื่อมองไปยังคิบอม
ผู้ชายคนนี้ดูก็รู้ว่าอายุพอๆกับเขา แต่ไม่รู้ทำไม ถึงหาความสดใสของคนวัยหนุ่มจากผู้ชายตรงหน้านี้ไม่ได้เลย
หรือจะเป็นเพราะแหวนวงใหญ่ ซึ่งเหมาะกับผู้สูงวัยมากกว่า
ที่ผู้ชายคนนี้ใส่ติดตัวมาด้วยกันนะ
= = รวยซะเปล่า
ทำไมไม่จ้างสไตล์ลิสส่วนตัวฟะ!!!
“ยังอวดดีเหมือนเดิมเลยนะ
คุณจองซูไม่ได้สอนเรื่องมารยาทตอนอยู่กับแขกให้นายรึไง”
คิบอมว่าขึ้นบ้างด้วยเสียงดุๆ
แต่คำตอบที่ได้จากเจ้าตัวดีก็แสดงให้เห็นว่า คนๆนี้ไม่ได้เกรงกลัวเขาสักนิด
“ฉันก็เขียนไว้ในสัญญาแล้วไงว่าจะยอมแขกเท่าที่ยอมได้
มันหมายความว่าฉันจะคุยดีกับแขกที่ฉันคิดว่าน่าจะญาติดีด้วยกันได้เท่านั้น
และนั่น...ก็ไมใช่นาย”
แม้ว่าวาจาของทงเฮจะแสบสันเพียงใด
ก็มีแต่คำว่าถูกใจเท่านั้นที่ปรากฏออกมาให้คิบอมเห็น สายตาคมจ้องไปยังคนหน้าหวานที่เอาแต่มองข้ามหัวเขาไปข้างหลัง
จนเขาเองต้องหันกลับไปมองเช่นกัน คนที่ทงเฮมองอยู่ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน
เป็นเพียงของเล่นชิ้นเก่าที่เขาเบื่อแล้วเท่านั้นเอง ลี ฮยอกแจ
“สนใจของเล่นของฉันอยู่หรอ”คิบอมถามขึ้นเพื่อเรียกความสนใจ
“ของเล่นอะไร” ทงเฮไม่เข้าใจจึงถามกลับ นึกสงสัยคนตรงหน้า
โตป่านนี้แล้ว ใครจะมาเล่นของเล่นอยู่อีก
“ก็นั่นไง โฮสต์อันดับหนึ่ง
ฮยอกแจไงล่ะ”
คิบอมตอบพลางหมุนหัวแหวนวงใหญ่เล่น
พูดจาร้ายกาจแต่ทำวางมาดด้วยท่าทางสบายๆแบบนั้น
ถ้าไม่ติดว่าเป็นบอสที่เป็นคนจ่ายเงินเดือน ทงเฮคงเข้าไปชกซะให้หงาย
“ฮยอกแจไม่ใช่ของเล่นของใคร”
ทงเฮเถียงกลับ
“หึ นายเพิ่งมาใหม่จะไปรู้อะไร
ฮยอกแจน่ะแทบจะถวายตัวให้กับแขกทุกคนที่มาจองคิวเลยนะ
คงเพราะว่าอยากจะประชดฉันที่ฉันไม่เล่นด้วย แต่ว่ายังไงซะฉันก็ไม่ได้สนหมอนั่นหรอก
ตอนนี้คนที่ฉันสนใจคือนายต่างหาก”
คิบอมว่าพลางจ้องเข้าไปในตาหวาน
แต่คนถูกจ้องไม่มีความรู้สึกเคอะเขิน หรืออะไรในเชิงพิศวาสเลยสักนิด
ก็เขาเกลียดเจ้าหมอนี่จะตาย ซ้ำร้ายยังมาว่าคนรัก (?) ของเขาอีก
ฮยอกแจที่เขารู้จักไม่ใช่แบบที่คิบอมพ่นพล่อยๆแกมหลงตัวเองออกมาแน่ๆ
คนๆนั้นทั้งเล่นตัว ทั้งปากแข็ง
มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องยอมแขกไปซะทุกเรื่อง
และที่แน่ๆสาเหตุมันต้องมาจากเจ้าบอสใหญ่คนนี้แน่นอน ทงเฮนึกย้อนไปยังเรื่องสัญญา 3 เดือนของตัวเองก็นึกอะไรขึ้นมาได้
เขาหรี่ตามองไปยังคนตรงหน้า
“นายหลอกฮยอกแจ
เรื่องสัญญาโฮสต์อะไรนั่นล่ะสิท่า”
ทงเฮเกริ่นถามอย่างอยากรู้ เรื่องนี้อาจเป็นไปได้
ตัวเขาเองยังไม่เคยได้อ่านสัญญาตัวหนังสือเยอะๆของคิบอมเลย เพราะฉีกทิ้งไปซะก่อน
“ฉันไม่ได้หลอก
หมอนั่นเป็นหนูที่เข้ามาติดจั่นของฉันเอง มันช่วยไม่ได้จริงๆ ติดหนี้ฉันก็ต้องชดใช้
ฉัน ก็ให้เลือกแล้วว่าจะยอมเป็นของฉันคนเดียวอย่างสุขสบาย
หรือว่าจะเป็นโฮสต์ที่ต้องทำตามความต้องการของแขกทุกเรื่อง”
“งั้นฉันว่าฮยอกแจคิดถูกแล้วล่ะ
ใครมันจะไปอยากเป็นของๆนาย ขนลุกน่าดู”
ทงเฮว่าทำหน้าแหยๆ
ว่าแต่ ...เจ้าหมอนี่มันไม่มีตัวเลือกอย่างอื่นให้บ้างรึไงฟะ!!!
“แล้วสัญญาของฮยอกแจน่ะ
จะหมดเมื่อไหร่”
“ไม่รู้สิ
ก็คงต้องทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่า…จะขายไม่ออก ล่ะมั้ง”
“ฮะ!!!!???? นี่แก!!!!!!”
คำตอบจากคิบอมทำให้เจ้าหนุ่มหัวส้มสบถออกมาเสียงดัง
เขากระชากคอเสื้อของคนตรงหน้าแทบจะทันทีเมื่อได้ฟังจนจบ ร้ายกาจ
คนๆนี้มันมันร้ายกาจเกินไปแล้ว
“ถ้าอยากจะช่วยเจ้าหมอนั่น
นายก็ยอมมาเป็นของฉันซะเองสิ”
คิบอมว่าส่งยิ้มเหนือกว่าไปให้
ทงเฮรู้สึกสะอิดสะเอียนจนต้องผลักออกห่างจากตัว
“กลับไปได้แล้วฉันจะรับแขกคนที่สอง!!!”
ทงเฮลุกขึ้นตะโกนไล่ด้วยอารมณ์เดือดๆ
เขาสงสารฮยอกแจจับใจ ไม่รู้ว่าต้องทนทำเรื่องแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว
แต่ถึงจะไล่ไปแบบนั้น ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าบอสใหญ่ยังคงนั่งยิ้มอยู่อีก
เป็นบ้าไปแล้วรึเปล่าเนี่ย?
“ถ้านายหมายถึงแขกคนที่สอง …”
คิบอมพูดไม่จบ แต่ชูบัตรคิวขึ้นมาให้ดู
เยอะแยะไปหมด เลข 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 และอีกมากมายภายในมือ
ทงเฮแทบอยากกลั้นใจ เขาคงต้องทนอีกนานกับแขกคนนี้
“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ
ดื่มอะไรซะหน่อย แล้วนั่งลงเป็นเพื่อนฉันก่อน”
คิบอมว่าพลางยื่นแก้วที่มีน้ำสีสันสดใสไปให้
ทงเฮนั่งลงอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
ยังไงซะกินอะไรสักนิด ก็ยังดีกว่านั่งอยู่กับคนๆนี้เฉยๆ
เจ้าหนุ่มหัวส้มรับน้ำมาดื่มไปจนหมดแก้ว ไม่รู้เลยว่า
อีกคนได้ใส่อะไรบางอย่างลงไปในนั้นด้วย…